



Discovery Pico

Discovery Pico คืออะไร ?
Discovery Pico Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ใช้ในการรักษาปัญหาผิวพรรณต่างๆ ด้วยความเร็วสูงสุด
ในการส่งพลังงานเลเซอร์เป็นช่วงสั้นๆ ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ
Discovery Pico ทำงานอย่างไร ?
Discovery Pico Laser ทำงานโดยการส่งพลังงานเลเซอร์ในช่วงสั้นๆ เข้าไปในชั้นผิวหนัง พลังงานที่สูงมาก จะทำให้เม็ดสีแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ
ทำให้ร่างกายสามารถขจัดออกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียนขึ้น



Discovery Pico รักษาอะไรได้บ้าง?
Discovery Pico สามารถรักษาปัญหาผิวพรรณ
ได้หลากหลายดังนี้:
ลบรอยสัก: ช่วยลบรอยสักทั้งสีดำและสีต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการทำงาน: ใช้เลเซอร์พัลส์สั้นมากในระดับหนึ่งในล้านล้านวินาที พลังงานเลเซอร์จะแตกตัวหมึกสักเป็นอนุภาคเล็กๆ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำการกำจัดอนุภาคหมึกออกไป
รักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ: ช่วยลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ
จากแสงแดดหรือฮอร์โมน
กลไกการทำงาน: ปล่อยพลังงานเลเซอร์ในระดับหนึ่งในล้านล้านวินาทีพุ่งเป้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบ
ลดรอยแผลเป็นจากสิว: ช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
และลดรอยแผลเป็นจากสิว
หลักการทำงาน: ปล่อยพลังงานเลเซอร์ เป็นพัลส์สั้นๆ ในระดับหนึ่ง
ในล้านล้านวินาที สร้างช่องเล็กๆ ในผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้าง
สารต้านอนุมูลอิสระและอีลาสติน ช่วยปรับโครงสร้างผิวและ
เพิ่มความยืดหยุ่น
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ: ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอและดูสดใสขึ้น
หลักการทำงาน: ปล่อยพลังงานเลเซอร์ในระดับหนึ่งในล้านล้านวินาที
เลเซอร์จะพุ่งเป้าไปที่เม็ดสีเมลานิน ที่ไม่สม่ำเสมอใต้ผิวหนัง
และทำลายเม็ดสีที่เกินมาโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบ
กระชับรูขุมขน: ช่วยกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น


หลุมสิว คืออะไร
หลุมสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากการอักเสบของสิว ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบุ๋มลงไป เกิดเป็นรอยบุ๋มหรือหลุม ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเท่าเดิม
หลุมสิวมักเกิดจากสิวอักเสบที่รุนแรง หรือ การแกะเกาสิวบ่อยๆ
สาเหตุของหลุมสิว
-
การอักเสบของสิว: การเกิดสิวอักเสบรุนแรง ทำให้ผิวหนังชั้นในถูกทำลาย และเมื่อแผลหายไป จะเกิดเป็นหลุม
-
การแกะเกาสิว: การแกะเกาสิวจะทำให้แผลสิวลุกลาม และอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือทำให้หลุมสิวลึกขึ้น
-
พันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดหลุมสิวง่ายกว่าคนอื่นๆ
-
การรักษาสิวที่ไม่เหมาะสม: การใช้สารบางชนิด หรือผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้หลุมสิวลึกขึ้น

ประเภทของหลุมสิว
1. Rolling Scar (หลุมสิวแอ่งกระทะ)
-
ลักษณะ: เป็นหลุมสิวที่พบได้บ่อยที่สุด มีลักษณะเป็นหลุมตื้นๆ คล้ายแอ่งกระทะ มักจะมีขอบหลุมไม่ชัดเจน
-
สาเหตุ: เกิดจากการอักเสบของสิวที่ไม่รุนแรงมากนัก และการแกะเกาสิว
-
วิธีการรักษา: สามารถรักษาได้ด้วยหลากหลายวิธี เช่น เลเซอร์ Fractional CO2, RF Microneedling, Subcision, สารเติมเต็ม
2. Boxcar Scar (หลุมสิวกล่อง)
-
ลักษณะ: เป็นหลุมสิวที่มีความชัดเจนคล้ายกล่อง มักพบในบริเวณแก้ม
-
สาเหตุ: เกิดจากการอักเสบของสิวในระดับปานกลาง
-
วิธีการรักษา: การรักษาหลุมสิวประเภทนี้ค่อนข้างท้าทาย อาจจะมีวิธีการรักษาที่หลากหลาย เช่น เลเซอร์, Subcision, สารเติมเต็ม
3. Ice Pick Scar (หลุมสิวจิกลึก)
-
ลักษณะ: เป็นหลุมสิวที่ลึกและแคบ คล้ายรอยจิกลงไปในผิวหนัง
-
สาเหตุ: เกิดจากสิวอักเสบรุนแรงที่ทำลายผิวหนังชั้นลึก
-
วิธีการรักษา: เป็นหลุมสิวที่รักษายากที่สุด อาจจะต้องใช้วีธีการผ่าตัด Subcision ร่วมกับเลเซอร์ หรือการฉีดสารเติมเต็ม

กระ คืออะไร
กระ หรือ Freckles คือ จุดด่างดำขนาดเล็ก ที่มีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม มักปรากฏบนผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย เช่น ใบหน้า ลำคอ แขน และหลังมือ กระเกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีเมลานินในผิวหนังผลิตมากเกินไป ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดกระ
-
พันธุกรรม: คนที่มีกรรมพันธุ์ผิวขาว หรือมีคนในครอบครัวเป็นกระ มีโอกาสเป็น กระ ได้มาก
-
แสงแดด: การโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน จะกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้เกิดกระได้ง่าย
-
ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ หรือการใช้สารคุมกำเนิด อาจทำให้เกิดกระได้
-
อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและผลิตเม็ดสีเมลานินเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดกระได้ง่าย

การป้องกันการเกิดกระ
-
หลีกเลี่ยงแสงแดด: สวมหมวก กางร่ม และสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย เมื่อมีความจำเป็นจะต้องออกไปเจอแสงแดด
-
ทาครีมกันแดด: เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง
-
ดูแลผิวให้ชุ่มชื้น: การดื่มน้ำจำนวนมากๆ และใช้ครีมบำรุงผิว จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดการเกิดกระ

ข้อดีของเครื่อง Discovery Pico

ข้อดีของ Discovery Pico เมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่น
-
มีประสิทธิภาพสูง: เทคโนโลยี Picosecond ทำให้เลเซอร์สามารถทำลายเม็ดสี ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
-
เจ็บน้อย: การรักษาด้วย Discovery Pico มักจะไม่เจ็บหรือเจ็บน้อยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น
-
ฟื้นตัวเร็ว: การรักษาด้วย Discovery Pico ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็ว และไม่ส่งผลข้างเคียงที่รุนแรง
-
หลากหลาย: สามารถรักษาปัญหาผิวพรรณได้ หลากหลายประเภท

ขั้นตอนในการทำ Discovery Pico

การดูแลตัวเองก่อน Discovery Pico
-
งดใช้เครื่องสำอางในวันที่ทำการรักษา: เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากเครื่องสำอางจะบดบังผิวของคุณ ทำให้แพทย์ ไม่สามารถประเมินสภาพผิวได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการปรับตั้งค่าเครื่องเลเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ
-
การดื่มน้ำให้มากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ: การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยลดอาการระคายเคือง และยังช่วยลดอาการบวมหลังจากทำเลเซอร์ และการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายของคุณมีพลังงานในการซ่อมแซมผิว ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันที่ดีจะช่วยให้ผิวของคุณฟื้นตัวได้เร็ว และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
-
แจ้งโรคประจำตัวและการแพ้สารบางชนิดให้กับแอดมิน: เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินตัวสารที่จะใช้ได้ถูกกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
-
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด: ลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแดงและรอยดำ แสงแดดจะกระตุ้นให้เกิดเม็ดสีเมลานินในผิวเพิ่มมากขึ้น ทำให้รอยแดง รอยดำจากการทำเลเซอร์เข้มขึ้นจะหายช้าลง
-
งดใช้กลุ่มผลัดเซลล์ผิว : ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว จะไปช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้ผิวบางลงและไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น ซึ่งหลังจากการทำเลเซอร์ อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้มากกว่าปกติ

การดูแลตัวเองหลังทำ Discovery Pico
-
งดแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอาง: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการช่วยผลัดเซลล์ผิวก่อน 2-3 วัน เนื่องจากจะทำให้ผิวมีความบอบบาง และระคายเคืองได้ง่าย
-
งดล้างหน้าหรือโดนน้ำ 24 ชั่วโมง: ป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากบริเวณที่ทำเลเซอร์จะเป็นเหมือนแผลเปิดเล็กๆ การโดนน้ำหรือล้างหน้าอาจจะทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่แผลได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ
-
หลัง 24 ชั่วโมงใช้เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เช้า-เย็น: หลังทำเลเซอร์ ผิวจะบอบบางและไวต่อการระคายเคือง การใช้เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน จะช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบ
-
ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50: ควรเลือกครีมกันแดดที่มี่ SPF 50 และ มีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันรังสี UVB และ UVA ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดร่องลึกและจุดด่างดำได้ด้วย
-
ทามอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อครีมทั้งเช้าและเย็น: มอยเจอร์ไรเซอร์ จะช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวไม่ให้สูญเสียน้ำ และลดการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม
-
งดการออกแดดจัด หลีกเลี่ยงแดดจัด 2 สัปดาห์: ลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยแดงและรอยดำ แสงแดดจะกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินในผิวเพิ่มมากขึ้น ทำให้รอยแดงและรอยดำจากการทำเลเซอร์เข้มขึ้นจะหายช้า
-
งดสกินแคร์บางชนิด: เช่น สครับ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด (AHA, BHA) หรือเรตินอลอาจจะส่งผลทำให้ผิวระคายเคือง หรือเกิดการอักเสบ